🔖 บทอ่านในพิธีถวายบูชามิสซา
วันอาทิตย์ที่
HW 1 ปี B วันอาทิตย์ สัปดาห์ศักดิ์สิทธ์ วันอาทิตย์ใบลาน
พระมหาทรมาน มก บทที่ 14 และ 15

https://www.youtube.com/watch?v=vQCbqEzp6-Y

*****

บทอ่านที่ 3
📗 พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า จากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก มก 14 และ 15

.
🌿 สองวันก่อนจะถึงวันปัสกาและเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์คิดหาอุบายเพื่อจับกุมพระเยซูเจ้า จะได้ฆ่าเสีย เขาพูดกันว่า

“อย่าทำในวันฉลองเลย มิฉะนั้น ประชาชนจะก่อการจลาจล”

.
🌿 พระองค์ประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี ในบ้านของซีโมนที่เคยเป็นโรคเรื้อน

ขณะที่กำลังประทับที่โต๊ะอาหาร หญิงคนหนึ่งถือขวดหินขาวบรรจุน้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์ ราคาแพงเข้ามา นางทุบขวดหินขาวแตก และเทน้ำมันหอมลงบนพระเศียรของพระองค์ บางคนพูดกันอย่างไม่พอใจว่า

“ทำไมจึงทำให้น้ำมันหอมเสียไปเปล่าๆ น้ำมันหอมนี้อาจจะขายได้เงินมากกว่าสามร้อยเหรียญ แล้วเอาเงินไปให้คนยากจน”

เขาเหล่านั้นบ่นว่านาง

พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า

“ปล่อยนางเถิด ทำให้นางยุ่งยากใจทำไม นางได้ทำกิจการดีต่อเรา

ท่านจะมีคนยากจนอยู่กับท่านเสมอ ท่านจะทำดีต่อเขาเมื่อไรก็ได้ แต่ท่านจะไม่มีเราอยู่กับท่านเสมอไป นางได้ทำสิ่งที่นางทำได้แล้ว นางชโลมกายของเราล่วงหน้าก่อนจะถึงเวลาฝังศพ

เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ที่ใดในโลกที่มีการประกาศข่าวดี จะมีการกล่าวถึงสิ่งที่นางได้ทำเพื่อเป็นการระลึกถึงนาง”

.
🌿 ยูดาส อิสคาริโอท

หนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ไปพบบรรดาหัวหน้าสมณะเพื่อจะมอบพระเยซูเจ้า เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินดังนี้ก็ดีใจและสัญญาจะให้เงินแก่ยูดาส

ยูดาสจึงหาโอกาสที่จะมอบพระองค์

.
🌿 วันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เมื่อเขาฆ่าลูกแกะปัสกา บรรดาศิษย์ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า

“พระองค์มีพระประสงค์ให้เราจัดเตรียมการเลี้ยงปัสกาที่ไหน”

พระองค์จึงทรงใช้ศิษย์สองคนไป สั่งเขาว่า

“จงเข้าไปในกรุง แล้วจะพบชายคนหนึ่งกำลังเดินแบกหม้อน้ำอยู่ จงตามเขาไป เขาเข้าไปที่ไหน จงถามเจ้าของบ้านว่า ‘พระอาจารย์ถามว่า ห้องที่เราจะกินปัสกากับบรรดาศิษย์นั้นอยู่ที่ไหน’ เขาจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบน ปูพรมไว้เรียบร้อย จงจัดเตรียมปัสกาไว้สำหรับพวกเราที่นั่นแหละ”

ศิษย์ทั้งสองคนออกเดินทางเข้าไปในกรุง พบสิ่งต่างๆ ดังที่พระองค์ทรงบอกไว้ จึงจัดเตรียมปัสกา

ครั้นถึงเวลาค่ำ พระองค์เสด็จมาพร้อมกับบรรดาอัครสาวกสิบสองคน

ขณะที่ทุกคนนั่งที่โต๊ะและกินอาหารพร้อมกับพระเยซูเจ้าอยู่นั้น พระองค์ตรัสว่า

“เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในที่นี้จะทรยศต่อเรา คนทรยศกำลังกินอาหารกับเรา”

บรรดาอัครสาวกรู้สึกเศร้าใจ ทูลถามพระองค์ทีละคนว่า

“ใช่ข้าพเจ้าหรือไม่”

พระองค์ตรัสว่า

“เป็นคนหนึ่งในสิบสองคนนี้ คือคนที่กำลังจิ้มอาหารในชามเดียวกันกับเรา

เพราะบุตรแห่งมนุษย์กำลังจะจากไปตามที่เขียนเกี่ยวกับพระองค์ไว้ในพระคัมภีร์

วิบัติจงเกิดแก่คนที่ทรยศต่อบุตรแห่งมนุษย์ ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาจะดีกว่า”

.
🌿 ขณะที่ทุกคนกำลังกินอาหารอยู่นั้น พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ตรัสถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ประทานให้เขาเหล่านั้น ตรัสว่า

“จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา”

แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ตรัสขอบพระคุณ ประทานให้เขาและทุกคนดื่มจากถ้วยนั้น พระองค์ตรัสกับเขาว่า

“นี่เป็นโลหิตของเรา โลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก

เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นใด จนกว่าจะถึงวันที่เราจะดื่มเหล้าองุ่นใหม่ในพระอาณาจักรของพระเจ้า”

.
🌿 เมื่อขับร้องเพลงสดุดีแล้ว

ทุกคนออกจากห้องเพื่อไปยังภูเขามะกอกเทศ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า

“ท่านทุกคนจะทอดทิ้งเรา เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าเราจะตีผู้เลี้ยงแกะ และแกะจะกระจัดกระจายไป แต่เมื่อเรากลับคืนชีพแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนหน้าท่าน”

เปโตรทูลว่า “แม้ว่าทุกคนจะทอดทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ทอดทิ้งพระองค์เลย”

พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า

“เราบอกความจริงกับท่านว่า คืนนี้ก่อนไก่จะขันสองครั้ง ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง”

แต่เปโตรทูลย้ำว่า

“ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายพร้อมกับพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย”

อัครสาวกทุกคนก็พูดเหมือนกัน

.
🌿 พระเยซูเจ้าเสด็จมาพร้อมกับบรรดาศิษย์ถึงสถานที่แห่งหนึ่งชื่อ “เกทเสมนี” พระองค์ตรัสกับเขาว่า

“จงนั่งอยู่ที่นี่ ขณะที่เราไปอธิษฐานภาวนา”

แล้วทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปกับพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มรู้สึกหวาดกลัวและเศร้าพระทัยอย่างยิ่ง จึงตรัสกับเขาทั้งสามว่า

“ใจเราเป็นทุกข์แทบสิ้นชีวิต จงอยู่ที่นี่และตื่นเฝ้าเถิด”

แล้วทรงพระดำเนินไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย ทรงทรุดลงกับพื้นดิน ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อให้เวลานั้นผ่านพ้นพระองค์ไป ถ้าเป็นไปได้ พระองค์ทูลว่า

“อับบา พระบิดาเจ้าข้า พระองค์ทรงทำทุกสิ่งได้ โปรดทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด”

พระองค์เสด็จกลับมา พบศิษย์ทั้งสามกำลังหลับ จึงตรัสกับเปโตรว่า

“ซีโมน ท่านหลับหรือ ท่านตื่นเฝ้าสักหนึ่งชั่วโมงไม่ได้หรือ จงตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาเพื่อจะไม่เข้าสู่การทดลอง จิตใจพร้อมแล้วก็จริงแต่เนื้อหนังอ่อนกำลัง”

แล้วพระองค์เสด็จไปอธิษฐานภาวนาอีกครั้งหนึ่ง ทรงกล่าวถ้อยคำเดียวกัน

ครั้นเสด็จกลับมาก็ทรงพบเขาหลับอยู่อีก เพราะลืมตาไม่ขึ้น และเขาไม่รู้จะทูลตอบพระองค์อย่างไร

เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สาม พระองค์ตรัสกับเขาว่า

“บัดนี้ท่านหลับต่อไปและพักผ่อนได้ พอเถอะ เวลาที่บุตรแห่งมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในเงื้อมมือของคนบาปมาถึงแล้ว จงลุกขึ้น ไปกันเถิด ผู้ทรยศมาแล้ว”

.
🌿 ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังตรัสอยู่นั้น ยูดาสหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคนมาถึงพร้อมกับคนจำนวนหนึ่ง ถือดาบและไม้ตะบองเป็นอาวุธ บรรดาหัวหน้าสมณะ ธรรมาจารย์และผู้อาวุโสส่งคนเหล่านี้มา ผู้ทรยศให้สัญญาณกับคนเหล่านี้ว่า

“เราจูบผู้ใด ก็เป็นคนนั้นแหละ จงจับกุมเขาไว้แล้วคุมตัวเขาไปอย่างแน่นหนาเถิด”

เมื่อยูดาสมาถึง ก็ตรงเข้าไปหาพระองค์ ทูลว่า

“พระอาจารย์เจ้าข้า” แล้วจูบพระองค์

คนเหล่านั้นต่างกรูกันเข้ามาจับกุมพระองค์

คนที่ยืนอยู่ที่นั่นคนหนึ่งชักดาบฟันผู้รับใช้คนหนึ่งของมหาสมณะ ใบหูขาด

พระเยซูเจ้าตรัสถามคนเหล่านั้นว่า

“ท่านทั้งหลายถือดาบ ถือตะบองมาจับเรา ราวกับเราเป็นโจรเทียวหรือ

เราอยู่กับท่านทุกวัน สั่งสอนในบริเวณพระวิหาร ท่านก็ไม่ได้มาจับเรา

แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อให้พระคัมภีร์เป็นความจริง”

ศิษย์ทุกคนทิ้งพระองค์ แล้วหนีไป

ชายหนุ่มคนหนึ่งห่มผ้าป่านผืนเดียวตามพระองค์ไป คนเหล่านั้นพยายามจับเขา แต่เขาสลัดผ้าป่านนั้นทิ้ง แล้ววิ่งหนีไปแต่ตัวเท่านั้น

บรรดาผู้ที่จับกุมพระเยซูเจ้านำพระองค์ไปยังบ้านของมหาสมณะ

บรรดาหัวหน้าสมณะ ผู้อาวุโสและธรรมาจารย์ทุกคนชุมนุมกันที่นั่น

ส่วนเปโตรติดตามพระองค์ไปห่างๆ จนเข้าถึงภายในลานบ้านของมหาสมณะ และนั่งผิงไฟอยู่กับบรรดาผู้รับใช้

บรรดาหัวหน้าสมณะและสมาชิกสภาสูงทุกคนพยายามหาพยานเพื่อกล่าวหาพระเยซูเจ้า และประหารชีวิตพระองค์ แต่เขาหาพยานไม่ได้

พยานเท็จหลายคนปรักปรำพระองค์ แต่คำให้การของเขาไม่ตรงกัน บางคนลุกขึ้นให้การเท็จปรักปรำพระองค์ว่า

“เราได้ยินเขาพูดว่า ‘ฉันจะทำลายวิหารที่สร้างด้วยมือมนุษย์นี้ และภายในสามวัน จะสร้างขึ้นใหม่อีกหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์’ ”

แม้กระทั่งเรื่องนี้ คำให้การของพยานก็ไม่ตรงกัน มหาสมณะจึงลุกขึ้นยืนท่ามกลางที่ชุมนุม ถามพระเยซูเจ้าว่า

“ท่านไม่ตอบอะไรหรือ พยานเหล่านี้ตั้งข้อกล่าวหาอะไรปรักปรำท่าน”

แต่พระองค์ทรงนิ่ง มิได้ตรัสตอบแต่ประการใด มหาสมณะจึงถามพระองค์อีกว่า

“ท่านเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระผู้ควรรับการถวายพระพรหรือ”

พระเยซูเจ้าตรัสว่า

“เราเป็น

และท่านทั้งหลายจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์ประทับนั่ง ณ เบื้องขวาของพระผู้ทรงอานุภาพ และจะเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆบนท้องฟ้า”

มหาสมณะจึงฉีกเสื้อของตน แล้วกล่าวว่า

“เราจะต้องการพยานอะไรอีก ท่านทั้งหลายต่างได้ยินเขาพูดดูหมิ่นพระเจ้าแล้ว ท่านคิดเห็นอย่างไร”

เขาทุกคนตัดสินว่า พระองค์ควรรับโทษถึงตาย

บางคนถ่มน้ำลายรดพระองค์ ใช้ผ้าปิดพระพักตร์ ชกต่อยพระองค์ และพูดว่า

“จงทายซิ”

บรรดาผู้รับใช้ก็ตบตีพระองค์ด้วย

.
🌿 ขณะที่เปโตรอยู่ที่ลานข้างล่าง หญิงรับใช้คนหนึ่งของมหาสมณะมาที่นั่น เมื่อเห็นเปโตรกำลังนั่งผิงไฟอยู่ ก็จ้องมองเขาและพูดว่า

“ท่านอยู่กับเยซู ชาวนาซาเร็ธด้วย”

แต่เปโตรปฏิเสธว่า

“ฉันไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าท่านพูดเรื่องอะไร”

แล้วจึงเดินไปที่ทางเข้าออก ไก่ก็ขัน หญิงรับใช้ยังคงเห็นเปโตร จึงบอกคนที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า

“คนนี้เป็นคนหนึ่งในพวกของเขาด้วย”

แต่เปโตรปฏิเสธอีก ต่อมาไม่นาน คนที่ยืนอยู่ที่นั่นกล่าวกับเปโตรว่า

“ท่านเป็นคนหนึ่งในพวกเขาแน่ๆ เพราะท่านเป็นชาวกาลิลี”

แต่เปโตรเริ่มสบถสาบานอย่างแข็งขันว่า

“ข้าพเจ้าไม่รู้จักคนที่ท่านกำลังพูดถึง”

ทันใดนั้นไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้แก่ตนว่า

“ก่อนไก่จะขันสองครั้ง ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แล้วเขาก็ร้องไห้

.
🌿 ครั้นร่งุ เช้า บรรดาหัวหน้าสมณะ พร้อมกับผู้อาวุโส ธรรมาจารย ์ และบรรดาสมาชิกสภาสูงทุกคน ประชุมตกลงกัน สั่งให้มัดพระเยซูเจ้า และนำไปมอบให้ปีลาต

ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า

“ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ”

พระองค์ตรัสตอบว่า

“ท่านพูดเองนะ”

บรรดาหัวหน้าสมณะพยายามกล่าวหาพระองค์หลายประการ ปีลาตจึงถามพระองค์อีกว่า

“ท่านไม่ตอบอะไรหรือ เห็นไหมเขากล่าวหาท่านหลายประการทีเดียว”

แต่พระเยซูเจ้ามิได้ตรัสตอบอีก ทำให้ปีลาตประหลาดใจมาก

.
🌿 ทุกปีในเทศกาลปัสกา ปีลาตเคยปล่อยนักโทษหนึ่งคนตามคำของประชาชน

ชายคนหนึ่งชื่อ บารับบัส ถูกจองจำพร้อมกับพวกกบฏที่ฆ่าคนในการจลาจล

เมื่อประชาชนขึ้นไปขอให้ปีลาตปล่อยนักโทษตามประเพณีที่เคยทำ ปีลาตถามว่า

“ท่านต้องการให้เราปล่อยกษัตริย์ของชาวยิวหรือ”

ปีลาตรู้อยู่แล้วว่าบรรดาหัวหน้าสมณะมอบพระองค์ให้เพราะความอิจฉา แต่บรรดาหัวหน้าสมณะเสี้ยมสอนยุยงประชาชนให้ขอปีลาตปล่อยตัวบารับบัส แทนที่จะปล่อยพระเยซูเจ้า ปีลาตถามเขาอีกว่า

“ท่านจะให้ข้าพเจ้าทำอะไรกับคนนี้ที่ท่านเรียกว่ากษัตริย์ของชาวยิว”

ประชาชนร้องตะโกนตอบว่า

“เอาเขาไปตรึงกางเขน”

ปีลาตถามว่า

“เขาทำผิดอะไร”

แต่ประชาชนร้องตะโกนดังยิ่งขึ้นว่า

“เอาเขาไปตรึงกางเขน”

ปีลาตต้องการเอาใจประชาชน จึงปล่อยบารับบัสไป แล้วสั่งให้โบยตีพระเยซูเจ้า มอบพระองค์ให้เขานำไปตรึงบนไม้กางเขน

บรรดาทหารนำพระองค์เข้าไปในลานชั้นในคือ “จวนของผู้ว่าราชการ”

แล้วเรียกทหารทั้งกองมาพร้อมกัน เขาคลุมพระองค์ด้วยเสื้อคลุมสีม่วงแดง นำหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียร แล้วคำนับพระองค์พลางพูดว่า

“ข้าแต่กษัตริย์ของชาวยิว ขอทรงพระเจริญเทอญ”

เขาใช้ไม้อ้อฟาดพระเศียร ถ่มน้ำลายรด แล้วคุกเข่ากราบพระองค์เป็นเชิงเยาะเย้ย

เมื่อเยาะเย้ยพระองค์จนพอใจแล้ว เขาก็ถอดเสื้อคลุมสีม่วงแดงออกจากพระองค์ สวมฉลองพระองค์ให้ดังเดิม

บรรดาทหารนำพระองค์ออกไปเพื่อตรึงบนไม้กางเขน

.
🌿 ชายคนหนึ่ง ชื่อ ซีโมนชาวไซรีนเป็นบิดาของอเล็กซานเดอร์และรูฟัส กำลังเดินทางจากชนบท ผ่านมาทางนั้น บรรดาทหารจึงเกณฑ์ให้เขาแบกไม้กางเขนของพระองค์ไป

ทหารนำพระองค์มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า “กลโกธา” แปลว่า “เนินหัวกระโหลก”

ทหารนำน้ำองุ่นเปรี้ยวผสมมดยอบให้พระองค์ดื่ม แต่พระองค์ไม่ทรงดื่ม

เขาตรึงพระองค์บนไม้กางเขน แล้วแบ่งฉลองพระองค์กัน โดยจับสลากว่าใครจะได้สิ่งใด

ขณะที่เขาตรึงพระองค์นั้นเป็นเวลาประมาณเก้านาฬิกา

มีป้ายบอกข้อกล่าวหาพระองค์เขียนไว้ว่า “กษัตริย์ของชาวยิว”

เขายังตรึงโจรสองคนพร้อมกับพระองค์ด้วย คนหนึ่งอยู่ข้างขวา อีกคนหนึ่งอยู่ข้างซ้าย

ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างสบประมาทพระองค์ สั่นศีรษะเยาะเย้ยว่า

“ท่านผู้ทำลายพระวิหาร และสร้างขึ้นใหม่ได้ภายในสามวัน จงช่วยตนให้รอดพ้น และลงจากไม้กางเขนซิ”

บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ต่างเยาะเย้ยพระองค์เช่นเดียวกันว่า

“เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ แต่ช่วยตนเองไม่ได้ พระคริสต์กษัตริย์แห่งอิสราเอลจงลงมาจากไม้กางเขนบัดนี้ซิ เราจะได้เห็นและมีความเชื่อ”

แม้ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขนพร้อมกับพระองค์ก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย

.
🌿 เมื่อถึงเวลาเที่ยง ทั่วแผ่นดินก็มืดไปจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายสามโมง

ครั้นถึงเวลาบ่ายสามโมง พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า

“เอโลอี เอโลอี ลามา ซาบั๊กทานี”

ซึ่งแปลว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้า”

ผู้ที่ยืนอยู่ที่นั่นบางคนได้ยินจึงพูดว่า

“ฟังซิ เขากำลังร้องเรียกเอลียาห์”

ชายคนหนึ่งวิ่งไปนำฟองน้ำจุ่มเหล้าองุ่นเปรี้ยวเสียบปลายไม้อ้อส่งให้พระองค์เสวย กล่าวว่า

“เราคอยดูซิว่าเอลียาห์จะมาปลดเขาลงหรือไม่”

แต่พระเยซูเจ้าทรงเปล่งเสียงดัง แล้วสิ้นพระชนม์ (คุกเข่าเงียบๆ สักครู่หนึ่ง)

ม่านในพระวิหารฉีกขาดเป็นสองส่วนตั้งแต่ด้านบนลงมาถึงด้านล่าง

นายร้อยซึ่งยืนเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ เมื่อเห็นพระองค์สิ้นพระชนม์ดังนั้น จึงพูดว่า

“ชายคนนี้เป็นพระบุตรของพระเจ้าแน่ทีเดียว”

.
🌿 สตรีบางคนมองดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ในจำนวนนี้มีมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์ มารดาของยากอบคนเล็กและของโยเสทและนางสะโลเม สตรีเหล่านี้เคยติดตามรับใช้พระองค์เมื่อพระองค์ทรงอยู่ในแคว้นกาลิลี สตรีอื่นๆ อีกหลายคนซึ่งขึ้นมาที่กรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับพระองค์ ก็อยู่ที่นั่นด้วย

วันนั้นเป็นวันเตรียม คือวันก่อนวันสับบาโต

ครั้นถึงเวลาเย็น โยเซฟ ชาวอาริมาเธียซึ่งเป็นสมาชิกที่น่านับถือคนหนึ่งของสภาสูง และกำลังรอคอยพระอาณาจักรของพระเจ้า กล้าเข้าไปพบปีลาต ขอพระศพของพระเยซูเจ้า

ปีลาตประหลาดใจที่พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว จึงเรียกนายร้อยมาถามว่าพระองค์สิ้นพระชนม์นานแล้วหรือ เมื่อรู้จากนายร้อย จึงมอบพระศพให้โยเซฟ

โยเซฟซื้อผ้าป่านมาผืนหนึ่ง เชิญพระศพลงมา ห่อด้วยผ้าป่าน วางพระศพในคูหาที่ขุดไว้ในหิน แล้วกลิ้งก้อนหินปิดทางเข้าคูหา

มารีย์ชาวมักดาลา และมารีย์มารดาของโยเสทคอยมองดูว่าเขาวางพระศพไว้ที่ใด 🍀

🌷 ติดตาม บทอ่านในมิสซาประจำวันได้ที่ www.voicewithyou.com 🌷